ISSAVEE CUSTOMER REVIEW
SCULPTRA นวัตกรรมใหม่ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ย้อนวัย ด้วยวิธีง่ายๆ ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ

 

SCULPTRA คือ อะไร?

Sculptra คือ สารกำเนิดคอลลาเจนในรูปแบบฉีด ที่ประกอบด้วย PLLA (Poly-L-Lactic acid) กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เติมเต็ม และยกกระชับใบหน้า อยู่ได้นานถึง 2 ปี และคงรูปได้ดีกว่าฟิลเลอร์ชนิด HA (Hyaluronic Acid) ทั่วไป

PLLA หรือ Poly-L-Lactic acid เป็น Biostimulator ตัวแรก ได้รับการอนุมัติจาก FDA ในสหรัฐอเมริกาและถูกใช้ทั่วโลกตั้งแต่ปี 1999 ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เป็นสารสังเคราะห์จากพืชที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างใต้ชั้นลึกของผิว เพื่อยกกระชับและลดริ้วรอย และทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น

PLLA เป็นสารที่ปลอดภัย และใช้มานานในทางการแพทย์ สามารถย่อยสลายได้ในร่างกาย ใช้ในการผลิตเป็นไหมละลาย เป็นน็อต หรือ แผ่นเพลท ที่ใช้ในการยึดกระดูกด้วย และสารตัวนี้ก็ผ่านการตรวจสอบ และอนุมัติให้ใช้งานได้ทั่วโลก  จึงมั่นใจได้ว่า สารตัวนี้จะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และ

 

Collagen คือ กุญแจสำคัญ เพื่อสุขภาพผิวที่แข็งแรง อ่อนเยาว์

คอลลาเจน คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบหลักของผิวหนัง โดยมีสัดส่วนสูงถึง 75 % ทำหน้าที่ในการเป็นโครงสร้างของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง กระดูก กล้ามเนื้อ เล็บ เอ็น และข้อ  สำหรับในผิวหนัง คอลลาเจนมีหน้าที่สำคัญมาก ๆ ในการเป็นโครงร่างผิว ทำให้ผิวมีความกระชับ ยืดหยุ่น และแลดูอ่อนเยาว์ เมื่อเราอายุมากขึ้น คอลลาเจนจะลดลงเรื่อย ๆ ทำให้เกิดผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย และการสูญเสีย volume ของใบหน้าไป

หน้าที่ของคอลลาเจน ที่มีต่อผิวหนัง ได้แก่
●    รักษาความตึง กระชับ เสริมสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิว
●    ลดเลือนริ้วรอย และความหยาบกร้านของผิวหนัง
●    รักษาสมดุลน้ำและกักเก็บความชุ่มชื้นในชั้นผิว
●    ส่งเสริมกระบวนการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ผิวให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์
●    ปกป้องและสร้างความแข็งแรงให้กับโครงสร้างชั้นผิวภายใน


 

Sculptra กระตุ้น collagen type 1 ที่สำคัญที่สุด

ปัจจุบันค้นพบว่าร่างกายคนเรามีคอลลาเจนมากกว่า 16 ชนิด แตกต่างไปตามตำแหน่งของร่างกาย  โดยชนิดที่เราจะสามารถพบได้บ่อยคือ type 1 , 2 และ 3 

●    คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I) ซึ่งพบมากถึง 90% ของคอลลาเจนทั้งหมดในร่างกาย และสำคัญที่สุดช่วยในการเสริมความยืดหยุ่น การสมานแผล สามารถพบได้ในผิวหนัง เส้นผม กระดูก เนื้อเยื่อ และผนังหลอดเลือด
●    คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen Type II) เป็นชนิดที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าชนิดที่ 1 พบมากในกระดูก กระดูกอ่อน และข้อต่อ มีหน้าที่ช่วยในการสร้างกระดูกอ่อน
●    คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Collagen Type III) มักพบร่วมกับประเภทที่ 1 คือพบในผิว กล้ามเนื้อ และผนังหลอดเลือด และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในร่างกาย แต่พบได้น้อยกว่าประมาณ 10 %

ผิวหนังมีคอลลาเจนชนิดที่ 1 เป็นโครงสร้างหลัก จึงมีแรงสปริงและยืดหยุ่นดีตามไปด้วย แต่หลังจากอายุ 25 ปี โดยเฉลี่ยร่างกายของเราจะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลงปีละ 1 % ในขณะที่อัตราการสลายคอลลาเจนยังเท่าเดิม ทำให้ปริมาณคอลลาเจนในร่างกายลดลงเรื่อย ๆ ส่งผลให้ความแข็งแรงของผิวลดลงเมื่ออายุมากขึ้น  เกิดความหย่อนคล้อย และริ้วรอยตามมา 
 

เมื่อเราอายุถึง 40 คอลลาเจนจะหายไปถึง 1 ใน 5 และเมื่ออายุถึง 50 คอลลาเจนจะหายไปถึง 1 ใน 3 จึงเลี่ยงไม่ได้ กับการที่ผิวจะการเหี่ยว หย่อนคล้อย และดูชราลง 

 

sculptra ช่วยในการกระตุ้น collagen type 1 เป็นหลัก โดยจากผลการวิจัยพบว่า Sculptra จะสามารถกระตุ้นให้เกิดการผลิต Collagen type1 สูงถึง 66.5% หลังจากฉีดไปแล้ว 3 เดือน ซึ่งถ้าเทียบกับผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆ ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ตัวไหนที่สามารถผลิต Collagen type1 ได้มากเทียบเท่ากับ Sculptra เลยในตอนนี้

 

Sculptra ทำงานอย่างไร?

เมื่อฉีด Sculptra เข้าสู่ผิวหนังชั้นลึก ตัวยาจะเริ่มกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอไปทั่วผิว หลังจากนั้น สาร PLLA จะไปเพิ่มปริมาณเซลล์ fibroblast ซึ่งเป็นเซลล์ต้นกำเนิดของคอลลาเจน และช่วยสร้างความแข็งแรงให้โครงสร้างผิวภายใน

นอกจากนี้สาร PLLA จะมีการเปลี่ยนแปลงเป็น Lactic acid ไปกระตุ้นขบวนการสังเคราะห์เส้นใยคอลลาเจน ผ่านการเรียกเม็ดเลือดขาวที่เรียกว่า แมคโครฟาจ มาช่วยในการทำงาน
เมื่อเวลาผ่านไป PLLA จะค่อย ๆ เสื่อมสลายไป แต่การสะสมของคอลลาเจน ยังคงอยู่จึงสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยได้อย่างยาวนาน
โดยขบวนการดังกล่าวเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 5 หลังรับการรักษาและเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องให้ผลิตคอลลาเจนของตัวเองอีกครั้ง

 

 

คุณสมบัติของ SCULPTRA

●    กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวอย่างต่อเนื่อง และเป็นธรรมชาติ โดยเติมเต็มคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้เรียงตัวแน่นขึ้นอย่างเป็นระเบียบ 
●    ใบหน้ายกกระชับขึ้น ใบหน้าโดยรวมดูเด็กลง 
●    ลดเลือนริ้วรอย 
●    ความยืดหยุ่นของผิวดีขึ้น เต่งตึงขึ้น
●    ผิวเรียบเนียนยิ่งขึ้น
●    ผิวกระจ่างใสยิ่งขึ้น
●    คืนความสมดุลให้ผิวอิ่มน้ำ แก้ปัญหาผิวหยาบกร้าน 
●    ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่าถึง 2 ปี ทำให้ Sculptra เป็นที่นิยมแพร่หลายในอเมริกา โดยผลลัพธ์สามารถเห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรก
 

Sculptra เหมาะกับใคร


1.    ท่านที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป ผิวค่อย ๆ ดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยผลลัพธ์ที่ได้จะค่อย ๆ ดีขึ้นหลังฉีด 2-3 สัปดาห์ และได้ผลลัพธ์อยู่ถึง 2 ปี 
2.    ท่านที่เข้าสู่วัยที่เริ่มสูญเสียคอลลาเจน อายุเกิน 35 ปีขึ้นไป
3.    ท่านที่มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย มีบริเวณที่สูญเสีย volume ไป เช่นร่องลึกใต้ตา ร่องแก้ม หน้าแก้ม ใต้โหนกแก้ม หรือขมับเป็นต้น
4.    ท่านที่เริ่มมีผิวที่มีปัญหาการสูญเสียคอลลาเจน ผิวขาดความยืดหยุ่น ไม่กระชับ มีริ้วรอย
5.    ท่านที่ต้องการให้ผิวมีความแข็งแรงขึ้น ขาวใสยิ่งขึ้น ดูเด็กยิ่งขึ้น
6.    ท่านที่มีปัญหาหน้าแห้ง ผิวหยาบกร้าน
7.    ท่านที่ต้องการวิธีที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้จริง อยากให้หน้าอิ่มฟูขึ้น โดยอาจทำร่วมกับการรักษาอื่น ๆ ที่เป็น Energy Base Device เช่น Thermage , Ulthera , Picosecond Laser ในการเสริมฤทธิ์การกระตุ้นคอลลาเจนได้อีกด้วย
 

ตำแหน่งที่เหมาะกับการฉีด Sculptra

ในการฉีด Sculptra ที่อิสสวีร์คลินิก หมอจะใช้การฉีด แบบเน้นการยกกระชับ โดยหลักการจะเป็นการยกจากด้านบน และด้านข้าง เหมือนการขึงผ้าจากด้านข้าง โดยหมอจะไม่แนะให้ฉีดเข้าไปตรง ๆ ในบางตำแหน่ง เช่น ร่องแก้ม ถ้าทำการฉีดไปตรง ๆ บริเวณนี้อาจทำให้เนื้อตรงนั้นหนาขึ้นมากเกินไป จนดูเนื้อตรงนั้นอูมไม่สวยได้ 
ดังนั้นหมอจึงแนะนำให้ใช้เทคนิคการฉีดแบบยกจากด้านบน และขึงจากด้านข้าง เพื่อความเป็นธรรมชาติมากกว่าครับ
โดยหลัก ๆ แล้วหมอจะทำการฉีดบริเวณ ขมับ หน้าแก้ม ใต้โหนกแก้มด้านข้าง เป็นหลัก โดยจะทำการฉีดด้วยเทคนิคพิเศษ คือใช้เป็นเข็มทู่ ลงเข็มประมาณ 3 ตำแหน่งต่อข้างครับ

 

ฉีด Sculptra เห็นผลเมื่อไหร่  อยู่ได้นานแค่ไหน

การฉีด Sculptra จะไม่ได้เห็นผลทันที ต่างจากการฉีดฟิลเลอร์ โดย Sculptra จะค่อย ๆ เห็นผลทีละนิด โดยจะใช้เวลาอย่างน้อย 3-4 สัปดาห์ ก่อนจะเริ่มเห็นผล 
โดยหลังการฉีด 2-3 วันแรก อาจจะดูเหมือนบริเวณที่ฉีดมีการฟูขึ้น เต็มขึ้น แต่ส่วนมากจะเกิดจากอาการบวม และจากตัวยามากกว่า ซึ่งผลเหล่านี้จะหายไป ก่อนที่จะได้ผลจริง ๆ จากคอลลาเจนที่สร้างมากขึ้น 

โดยส่วนมากในเข็มแรก ผลลัพธ์จะไม่ได้ถึง 100% ขึ้นกับแต่ละท่านว่ามีปัญหามากน้อยเท่าไหร่ ซึ่งที่อิสสวีร์คลินิก หมอจะนัดดูผลในช่วง 3-4 สัปดาห์ เพื่อประเมินว่าควรฉีดเพิ่มหรือไม่ครับ
สำหรับผลลัพธ์หลังการรักษาจะอยู่ได้นานถึง 24 เดือน หรือ 2 ปี เพราะเป็นการคงอยู่ของคอลลาเจนที่สร้างขึ้นด้วยตนเองตามธรรมชาติ โดยในบางรายอาจอยู่ได้ถึง 3 ปี ขึ้นกับการดูแลแต่ละบุคคล 
 

 

 

ต้องทำการรักษาประมาณกี่ครั้ง

การฉีด Sculptra ต้องผ่านการประเมินกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่าปัญหาเหมาะกับการทำจำนวนกี่ครั้ง ซึ่งแต่ละคนจะไม่เท่ากัน อาจฉีดตั้งแต่ 1-4 ครั้ง  ซึ่งถ้าท่านที่มีปัญหาเยอะมาก ๆ อาจจะต้องฉีดประมาณ 3 ครั้ง  โดยห่างกันทุก 4-6  สัปดาห์ครับ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คนไข้พอใจสูงสุด 

 

การดูแล และอาการหลังฉีด Sculptra 

การฉีด Sculptra จะมีอาการคล้ายการฉีดฟิลเลอร์ อาจมีแดง ช้ำ บวม และกดเจ็บบริเวณที่ฉีด ซึ่งส่วนมากจะหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมง หรือ 2-3 วันหลังฉีด แต่ในบางท่านที่ช้ำง่ายก็อาจจะนานถึง 14 วันได้ แต่โดยประสบการณ์ของหมอที่อิสสวีร์คลินิก เนื่องจากการฉีด Sculpra จะใช้เทคนิคเข็มทู่ ฉีดบริเวณด้านข้าง ซึ่งเป็นบริเวณที่ช้ำยากกว่า จึงแทบไม่พบปัญหาการช้ำนาน ๆ เลยครับ
สำหรับการดูแลหลังฉีด Sculptra หมอจะแนะนำดังนี้ครับ
1.    กฎเลข 5 : ให้นวดบริเวณที่ทำการฉีด 5 วัน วันละ 5 ครั้ง ครั้งละ 5 นาที 
2.    ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีด ให้ประคบเย็น เพื่อช่วยลดอาการบวม
3.    เลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ  เลี่ยงแดดจัด ๆ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีด
4.    หากมีอาการผิดปกติหลังฉีด เช่นปวดมาก มีสีผิวบริเวณที่ฉีดผิดปกติไป ให้แจ้งแพทย์ทันที
5.    หลังฉีด สามารถไปทำงาน หรือใช้ชีวิตได้ตามปกติครับ
6.    สามารถแต่งหน้าได้หลังฉีดทันที 2-3 ชั่วโมง
7.    สามารถทำการรักษาอย่างอื่นได้ ในบริเวณเดียวกัน หลังฉีด  Sculptra ไปแล้ว 4 สัปดาห์ 


 

 

SCULPTRA ปลอดภัยหรือไม่

Sculptra ได้รับการอนุมัติจาก FDA ในสหรัฐอเมริกาและถูกใช้ทั่วโลกตั้งแต่ปี 1999 และยังปราศจากส่วนผสมของมนุษย์และสัตว์ มีความเข้ากันได้ทางชีวภาพ โดยองค์ประกอบได้รับการปรับให้เข้ากับร่างกายมนุษย์มากที่สุด ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงและการปฏิเสธ จึงไม่จำเป็นต้องมีการทดสอบการแพ้ก่อนการรักษา เมื่อเวลาผ่านไปสารออกฤทธิ์จะถูกย่อยสลายและกำจัดออกจากร่างกายอย่างสมบูรณ์

 

ท่านที่ควรควรระวังในการฉีด SCULPTRA

-    อายุน้อยกว่า 18 ปี (ไม่มีการวิจัยในกลุ่มนี้ว่าการรักษาจะมีผลเสียหรือไม่)
-    หญิงตั้งครรภ์ และให้นมบุตร (ไม่แน่นำให้ทำ เพราะยังไม่มีงานวิจัยความปลอดภัย)
-    ท่านที่กินยากดภูมิคุ้มกัน 
-    ท่านที่มีปัญหาเลือดออกง่าย หยุดยาก หรือรับประทานยาละลายลิ่มเลือด ยาต้านเกล็ดเลือด เช่น Aspirin , Warfarin

อยากกระตุ้นคอลลาเจน เลือกวิธีไหนดี
เนื่องจากการรักษาปัจจุบันนี้ มีผลิตภัณฑ์หรือเครื่องมือทางการแพทย์เยอะมากทีเดียวครับ คนไข้หลายคนมักจะสับสนว่า ควรทำอะไรดี และควรทำอะไรก่อน เพื่อให้หน้าดูดี สดชื่นอ่อนเยาว์ขึ้น ดูเด็กลง หมอจึงทำตารางสรุป เปรียบเทียบ Sculptra กับการรักษาที่เป็นที่นิยมตัวอื่นๆมาให้ครับ เพื่อตอบข้อสงสัยเบื้องต้นให้ก่อนครับ  ซึ่งแน่นอนว่า ปัญหาคนไข้แต่ละรายแตกต่างกันไป การเลือกวิธีการรักษาให้เหมาะจากการตรวจร่างกายจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จึงยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
โดยสรุปแล้ว การกระตุ้นคอลลาเจน จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ กลุ่มที่ใช้พลังงาน กับกลุ่มที่ใช้การฉีด โดยกลุ่มใช้พลังงานที่ได้ผลดีได้แก่ Thermage และ Ulthera ซึ่งด้วยเทคนิคที่อิสสวีร์คลินิก ทั้ง 2 อย่างนี้ถือว่าเจ็บน้อยมาก และได้ผลดีมากในการกระตุ้นคอลลาเจน  ส่วนกลุ่มฉีด นอกจาก Sculptra แล้ว การฉีดยาอื่น ๆ ในชั้นใต้ผิวหนังเช่น Rejuran ก็สามารถช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้เช่นกัน แต่มักจะได้ผลเรื่องผิวภายนอก มากกว่าการยกกระชับ หรือเติมเต็มใบหน้าครับ 
 

 

Sculptra ต่างกับ Filler อย่างไร   

Sculptra มักจะถูกเปรียบเทียบกับฟิลเลอร์ เพราะเป็นการฉีดเพื่อเพิ่ม Volume ของใบหน้า ทำให้หน้าเด็กลงเช่นเดียวกัน แต่จริง ๆ แล้ว ทั้งคุณสมบัติ และคนที่เหมาะสมกับการรักษาทั้ง 2 แบบนี้ แตกต่างกันมากครับ โดยจะสรุปได้ทั้งหมด 6 ข้อดังนี้ครับ

1.    การแก้ปัญหาใบหน้า : Sculptra เป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างช้า ๆ ได้ผลแบบธรรมชาติ ส่วน filler จะเป็นการเพิ่ม volume อย่างรวดเร็ว เห็นผลทันที
2.    การออกฤทธิ์ : Sculptra ใช้การกระตุ้นเซลล์ fibroblast ให้สร้างเส้นใยคอลลาเจนใหม่ ส่วน filler เป็นการให้ HA เติมเต็มเข้าไปใต้ชั้นผิวหนังเลย
3.    เริ่มเห็นผล : Sculptra เริ่มเห็นผลภายใน 3 อาทิตย์ และดีขึ้นช้า ๆ จนถึง 10 เดือน ส่วน filler จะเห็นผลทันที
4.    อยู่ได้นาน : Sculptra อยู่ได้นานถึง 2 ปี ส่วน filler อยู่ได้ไม่เกิน 1 ปี
5.    จำนวนครั้งที่ต้องฉีด : Sculptra มักจะต้องฉีด 2-3 ครั้ง ห่างกัน 4-6 สัปดาห์ ขณะที่ Filler มักจะฉีดเพียงครั้งเดียว ในตำแหน่งนั้น ๆ 
6.    การกระตุ้นคอลลาเจน : Sculptra พิสูจน์แล้วว่าเพิ่ม Collagen type 1 ได้ถึง 66% (หลังการฉีด 3 เดือน) ส่วน fillerไม่มีการยืนยันว่ากระตุ้นคอลลาเจนได้

โดยสรุปแล้ว ท่านที่เหมาะกับ Sculptra มากกว่าฟิลเลอร์ คือท่านที่ผิวหน้ามีความหย่อนคล้อย ต้องการให้ผิวตึงกระชับขึ้น โดยต้องการแก้แบบทั่ว ๆ ใบหน้า (ฟิลเลอร์จะเหมาะกับการแก้เฉพาะจุดมากกว่า) รวมถึงท่านที่ต้องการผลลัพธ์แบบค่อยเป็นค่อยไป ดูธรรมชาติมาก ๆ ก็เหมาะกับ Sculptra มากกว่าครับ

 

ขั้นตอน Sculptra Treatment ที่ Issavee Clinic
 

“ ที่ Issavee Clinic เราออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล โดยคำนึงถึงความปลอดภัย
และผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับคนไข้ทุกคน โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นครับ ”

 

ปรึกษาแพทย์ : โดยแพทย์จะสอบถามถึงผลลัพธ์ที่คนไข้ต้องการเป็นสำคัญ จากนั้นจะทำการตรวจวิเคราะห์สภาพผิวหนังและโครงสร้างในชั้นลึก เพื่อค้นหาส่วนที่เป็นปัญหา ซึ่งหากประเมินกับคนไข้แล้วว่า สามารถเลือกเป็น Sculptra ได้ จะทำการวางแผนการรักษาเฉพาะรายให้ รวมถึงจำนวนครั้งเพื่อผลลัพธ์สูงสุด

ขั้นตอนการรักษา :

 ทำการแปะยาชาเป็นเวลา 45 นาที ในขั้นตอนระหว่างรอยาชา แพทย์จะทำการเตรียม Sculptra ให้อยู่ในรูปแบบ active form เพื่อพร้อมใช้งานและลดความรู้สึกขณะทำ 

Sculptra จะมาในลักษณะเป็นยาในขวด ซึ่งหมอจะทำการผสมกับ NSS 5 ml เขย่าเป็นเวลา 1 นาที ก่อนจะผสม NSS เพิ่ม และผสมยาชาร่วมด้วย สุดท้ายแล้วจะได้ Sculptra ออกมาทั้งหมด 10 cc ต่อ 1 ขวด

หลังจากนั้น หมอจะนำไปฉีดโดยใช้เทคนิคการฉีดแบบ cross-hatching ลึกลงใต้ชั้นผิว 1.5-2 เซนติเมตร ด้วยเข็มทู่ขนาด 25 G ซึ่งเป็นวิธีฉีด SCULPTRA ที่กระตุ้นคอลลาเจนได้ดีที่สุดครับ
 

 

 Sculptra ราคา และปริมาณที่ต้องใช้ในแต่ละท่าน

        ด้วยเทคโนโลยีของ Scupltra ที่เป็นผู้นำการกระตุ้นคอลลาเจนในปัจจุบัน ราคาต่อขวด (Vial) จึงยังค่อนข้างสูง โดยอยู่ที่ประมาณ 1000 USD/Vial ในอเมริกา และราคามาตรฐานที่ประเทศไทยในปัจจุบันคือ 50,000/Vial ส่วนที่อิสสวีร์เรามีโปรโมชั่นราคาที่ขวดละ 34,900 บาท

         หลายท่านคิดว่าราคานี้ค่อนข้างสูง แต่ในมุมมองของหมอที่อิสสวีร์คลินิก คิดว่าเมื่อเทียบกับราคาแล้ว Sculptra เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความคุ้มค่าต่อราคาสูง จากผลลัพธ์ที่ได้ในการฉีดคนไข้จริง เพราะได้ผลจริง ๆ และผลลัพธ์ที่อยู่นานถึง 2 ปี ก็คุ้มค่าต่อการฉีดครับ

          นอกจากนี้ราคานี้ยังถือว่าถูกกว่าการกระตุ้นคอลลาเจนด้วยวิธีอื่น ๆ อย่าง Ulthera หรือ Thermage และมั่นใจในผลลัพธ์ในการกระตุ้นคอลลาเจนได้มากกว่า วิธีฉีดแบบอื่น ๆ เช่น Rejuran หรือ ฟิลเลอร์ 

        ทั้งนี้ Sculptra จะได้ผลดีในการกระตุ้นคอลลาเจนเฉพาะจุดมากกว่า ช่วยการดึงหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด และในบางท่านก็สามารถใช้เป็นวิธี ที่ทำร่วมกันกับ Thermage , Ulthera รวมไปถึง Picolo และ ฟิลเลอร์ก็ได้ครับ

         สำหรับปริมาณที่เหมาะสมนั้นจะแตกต่างกันไปตามปัญหาของแต่ละท่าน แต่โดยเฉลี่ยแล้ว เพียง 1 ขวด ก็เพียงพอในท่านที่อยู่ในช่วงอายุ 30-40 ปี 

        สำหรับท่านที่มีปัญหาขาดคอลลาเจนเยอะ ก็อาจฉีดก่อน 1 ขวด และดูการตอบสนองอีกครั้ง ก่อนจะเลือกว่าจะฉีดเพิ่มอีกปริมาณเท่าไหร่ ซึ่งโดยส่วนมากก็มักจะไม่เกิน 3 ขวดครับ

 

โปรโมชั่นพิเศษ Sculptra ราคา 34,900 บาท (จากปกติ 50,000 บาท)
พิเศษจองวันนี้ แถมฟรี Voucher มูลค่า 5,000 บาท 

 

ประสบการณ์งานฉีด กว่า 10 ปี ที่ดารา เซเลป Influencer ไว้วางใจ

 

 

Guarantee ด้วยประสบการณ์ฉีดกว่า 10 ปี และรางวัลมากมาย

 

 

 

 

ติดต่อเรา/ปรึกษาแพทย์