Before & After Gallery
รวมรีวิวดูดไขมันเหนียงและกรอบหน้า
#ดูดเหนียง #กรอบหน้าชัด #หมอหลิน
ตัวอย่างคนไข้หลังการดูดไขมันบริเวณเหนียง (หลังดูดเสร็จทันที) จะเห็นได้ว่า หลังทำจะมีกรอบหน้าชัดขึ้น ไขมันใต้คางลดลง และแก้มจะยกมากขึ้นจากการตัดพังผืดใต้ผิวหนัง ซึ่งเทคนิคที่หมอทำจะเน้นการดูดกรอบหน้าโดยไม่ทำให้แก้มหย่อนคล้อยค่ะ
มีคำถามที่หลายท่านมักจะถามหมอ จึงขอรวบรวมไว้ตามนี้นะคะ
- ผู้ที่จะดูดเหนียงได้ ผิวหนังบริเวณเหนียงจะต้องไม่หย่อน ไม่เหี่ยว ซึ่งส่วนมากถ้าอายุไม่เยอะจะไม่เจอปัญหานี้ค่ะ (หมอเคยดูดอายุมากสุด 50 ก็ยังได้ผลดีค่ะ ถ้าผิวยังแข็งแรง) แต่ถ้าผิวเหี่ยวหมอก็สามารถเสนอวิธีการแก้ไขให้จบในครั้งเดียวได้ค่ะ
- ไขมันบริเวณเหนียงควรมีความหนาอย่างน้อย 8-10 mm ซึ่งหลังดูดจะลดลงประมาณ 50%
- เหนียงเป็นบริเวณที่หลังดูดแล้วกระชับได้ดี ไม่ค่อยพบว่าเป็นคลื่นหรือไม่เรียบ แต่ก็ต้องทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ และผิวหนังของคนไข้ต้องยังยืดหยุ่นดีด้วยค่ะ
- ในคนที่น้ำหนักตัวเยอะก็สามารถดูดเหนียงได้ ส่วนคนน้ำหนักน้อยยิ่งดูดก็จะยิ่งได้ผลดีค่ะ
- บางคนไขมันเหนียงน้อย แต่เวลาก้มแล้วเป็นชั้น ๆ ดูกรอบหน้าไม่ชัด สาเหตุอาจจะมาจากอย่างอื่นร่วมด้วย เช่นคางสั้นไป กระดูกกรามเล็ก ผิวหย่อน ซึ่งหมอก็จะต้องตรวจอย่างละเอียดก่อนค่ะ
- การดูด หมอจะเน้นบริเวณใต้คาง (สีฟ้า) เนื่องจากไขมันมักอยู่บริเวณนี้มาก ร่วมกับบริเวณกรอบหน้า (สีม่วง) ซึ่งจะเน้นให้เห็นกรอบหน้าชัดเป็นหลัก
- หมอจะไม่ดูดบริเวณแก้มทั้งหมด เนื่องจาก มีวิจัยมากมายว่า ถ้าดูดแก้มจะทำให้เหี่ยวเร็ว และอาจจะทำให้แก้มหย่อนผิดรูปได้ การดูดกรอบหน้าบริเวณใต้กระดูกจะปลอดภัยกว่ามาก และก็ให้ผลที่ดีเช่นกัน แต่หมอจะเลือกดูดเฉพาะในบริเวณที่ปลอดภัยแล้วไม่ทำให้หน้าเหี่ยวมากขึ้นค่ะ
- เหนียงเป็นบริเวณที่เจ็บน้อยที่สุด (ส่วนมากจะบอกหมอว่าเจ็บ 1 คะแนน จาก 10 คะแนน) โดยจะเจ็บเฉพาะช่วงฉีดยาชาเท่านั้นค่ะ
- หลังดูดเหนียงจะมีอาการบวมไม่มาก สามารถไปทำงานได้เลย อาการบวมจะไม่บวมออกมามากกว่าก่อนดูด ส่วนมากคนใกล้ตัวยังไม่รู้ว่าทำอะไรมา ยกเว้นบางท่านถ้ามีอาการช้ำก็อาจจะสังเกตได้บ้าง
- ขั้นตอนการดูดใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งค่ะ
- มีแผลสามแผล ใต้คาง 1 และ ใต้หูข้างละ 1 แผล เป็นแผลเล็ก ๆ มากค่ะ
- หลังทำ ผลจะอยู่ค่อนข้างถาวร ยกเว้นว่าอ้วนขึ้นมาก ๆ จนไขมันไปสะสมที่อื่นจะเต็มแล้ว จึงจะกลับมาที่เหนียงใหม่ค่ะ
ดูดไขมันเหนียง คาง แก้ม
การดูดไขมันที่หน้า บริเวณคอ เหนียง คาง แก้ม หรือ neck contouring เป็นการทำให้ผิวหนังบริเวณคอและเหนียงมีความเนียน กระชับ และมองเห็นรูปของคอ กรอบหน้า และคางได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้ดูผอมลง และอ่อนเยาว์ลง การรักษาด้วยวิธีดูดไขมัน หรือ vaser liposuction เป็นวิธีที่ให้ผลดี น่าพอใจ โดยเฉพาะในคนที่ไม่อยากฟื้นตัวนาน หรือมีแผลเป็นมาก ๆ จากวิธีการรักษาอื่นเช่นการดึงหน้า (facelift)



Double chin liposuction technique ที่อิสสวีร์คลินิก ดียังไง
- เป็นการดูดไขมันบริเวณ เหนียง แก้ม คาง โดยใช้เข็มที่เล็กเป็นพิเศษ ทำให้มีแผลเป็นที่เล็กมาก
- การรักษาเป็นการฉีดยาชาเฉพาะที่ จึงไม่มีอันตรายจากการดมยาสลบ
- การฟื้นตัวเร็ว ไม่ต้องพักนาน
- ให้ผลการรักษาที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ดูเป็นหน้าศัลยกรรม
การรักษาวิธีนี้เหมาะกับใครบ้าง
- มีคางสองชั้น (double chin) มีแก้มมาก แก้มห้อย กรอบหน้าไม่ชัด
- อายุ 20-50 ปี ยิ่งอายุน้อย ผลลัพธ์ก็จะยิ่งดีเนื่องจากมีการกระชับของผิวหนังที่ดีกว่า
- ต้องการให้มีกรอบหน้า (Jawline) ที่ชัดขึ้น ทำให้หน้าเรียวมากขึ้น
- ทำร่วมกับการ เสริมคาง หรือทำจมูก เพื่อให้มีรูปหน้าที่สวยงามยิ่งขึ้น
- ผิวหนังยังมีความยืดหยุ่นดีพอ







ผลการรักษาอยู่ได้นานหรือไม่
การรักษาด้วยการดูดไขมัน เป็นการทำลายเซลล์ไขมันให้ตายไปเลย ไม่เหมือนกับการลดไขมันด้วยวิธีอื่น ๆ ดังนั้นไขมันจะไม่กลับมาอีกแน่นอน อย่างไรก็ตามไขมันบริเวณที่ดูดไปอาจจะกลับมาได้บ้าง ในกรณีที่น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมาก ๆ
การลงแผลผ่าตัด
การดูดไขมันบริเวณนี้มักจะทำได้ง่ายและรวดเร็ว โดยแพทย์ที่ issavee จะลงแผลเพียง 1-2 จุด ขนาดจุดละประมาณ 3 mm เท่านั้น และจะซ่อนอยู่บริเวณใต้คาง หรือหลังหู ทำให้มองไม่เห็นแผลเป็น
การดูแลหลังผ่าตัด
- เช่นเดียวกับการผ่าตัดอื่น ๆ หลังการดูดไขมันบริเวณนี้ จะมีอาการบวม ช้ำ และปวดเล็กน้อย ซึ่งอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปภายใน 10-14 วัน
- ทางคลินิกจะนัดตัดไหม 7-10 วัน หลังผ่าตัด ขึ้นกับตำแหน่งที่เปิดแผล
- เมื่อผ่านไป 4-6 สัปดาห์ คนไข้จะรู้สึกได้ว่าผิวหนังบริเวณที่ทำกระชับมากขึ้น รอยย่นที่คอลดลง เหนียงลดลง ขอบกรามชัดขึ้น
- หลังการผ่าตัด แพทย์จะให้ใส่ผ้ายืด (supportive stap) รัดบริเวณคาง ประมาณ 3-4 วันเป็นอย่างน้อย กลับไปทำงานได้เลยหรือไม่ ท่านสามารถกลับไปทำงานได้ภายใน 1 สัปดาห์ และสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันปกติได้ ภายใน 2 อาทิตย์ ซึ่งภายหลังผ่าตัดจะมีอาการบวมช้ำ และเขียวเล็กน้อย ซึ่งอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้น และหายดีภายใน 10-14 วัน หลังการผ่าตัด
อย่างไรก็ตามก่อนการรับการรักษา ควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจ ปรึกษาแพทย์เพื่อสอบถาม และรับข้อมูลที่จำเป็นก่อนการผ่าตัดครับ

